วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กลูตาไธโอน ที่คุณจัก ?

พอเห็นชื่อนี้คงคุ้นหูและคุ้นตาเพื่อนๆ หลายคนอยู่ไม่ใช่น้อย ยิ่งสาวๆ หลายคนถึงกับคลั่งไคล้เลยก็ว่าได้ ก็เพราะเจ้าสาร กลูตาไธโอน (Glutathione) ตัวนี้ช่วยให้ สาวๆมีผิวที่ขาว ขึ้นนั่นเองไงหล่ะคะ กลูตาไธโอ มีทั้งแบบกินแบบพ่นและแบบฉีด ส่วนมากก็นิยมแบบฉีดกัน บางคนก็ฉีดเจ้าสารตัวนี้เอง และบางคนก็เอาไปให้คนอื่นฉีดให้ ซึ่งแล้วแต่ว่าจะเป็นที่ไหน เพราะเมื่อเวลาที่มีการสั่งซื้อ สารตัวนี้มาแล้วนั้น ทางผู้ขายก็จะมีการแนะนำอย่างเช่นว่า ซื้อแล้ว ให้ไปฉีดที่ที่เขากำหนดให้ เพราะการฉีด กลูตาไธโอน (Glutathione) นั้นต้องฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ถ้าผู้ที่ไม่ชำนาญพอ ก็ไม่แนะนำให้ฉีดเอง สารกลูตาไธโอน เป็นสารที่ร่างกายเรามีอยู่แล้ว ซึ่งการที่เราไปฉีดสารตัวนี้เพิ่มเข้าไปนั้น อาจมีผลกระทบต่อร่างกายเราได้ เพื่อนๆ อย่างลืมนะคะ ว่าอะไร ที่ให้คุณเราได้ก็ย่อมให้โทษเราได้เช่น กัน ศึกษาให้ดีก่อนทั้ง คุณ และ โทษ ของมัน ก่อนจะตัดสินใจ วันนี้เลย นำข้อมูลเกี่ยวกับสารตัวนี้มาให้เพื่อนๆ ได้ทำความเข้าใจกัน ค่ะ

1.ประโยชน์ของ “กลูตาไธโอน”
กระบวนการในร่างกายก็ไม่ต่างอะไรกับโรงงานผลิตสินค้า เมื่อมีการผลิตออกมาเยอะๆ ก็จะมีของเสียได้เหมือนกัน ดังนั้น เราก็ต้องมีวิธีกำจัดของเสียต่างๆ นี้ออกไป ถ้าเปรียบกับร่างกายของเรา ของเสียต่างๆ นี้เราเรียกว่าอนุมูลอิสระ ซึ่งถ้ามีอยู่ในร่างกายเรามาก ก็จะยิ่งส่งผลต่อเซลล์ในระบบร่างกายของเรา เพราะฉะนั้น ร่างกายเราจึงผลิตสารที่ต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระนี้ขึ้นมา ชื่อ “กลูตาไธโอน”นั่นเอง ซึ่งความสามารถของสารชนิดนี้คือต่อต้านอนุมูลอิสระ และขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามิน C และ E ได้ดี เป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA และเป็นเกราะป้องกันให้ตับปลอดภัยจากการถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์ได้อีกด้วย

2.ปัจจัยที่ร่างกายขาด “กลูตาไธโอน”
“กลูตาไธโอน” จริงๆนั้นมีอยู่ในร่างกายของคนเราทุกคน พบมากที่สุดคือตับ แต่ก็ จะเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาเมื่อร่างกายได้รับสารพิษมาก จน กระทั่งตับผลิตสาร Glutatione ออกมาขับพิษไม่พอ จึงทำให้ร่างการเกิดการเสื่อมโทร นอนไม่หลับ หรือหลับแบบไม่สนิท ไม่กระปรี้กระเปร่า ผิวพรรณไม่ผุดผ่อง สิ่งต่างๆที่ทำให้ สารกลูตาไธโอนนี้ค่อยๆหายไปจากร่างกายของเราก็คือ การที่เราสูบบุหรี่ หรือออกกำลังกายหนักๆ รังสี XY และ UV,การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน การรับประทานยาแก้ไข้ เช่น พาราเซตามอล ฮอร์โมน estradiol (ฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดหนึ่งที่สร้างโดยรังไข่) ทำหน้าที่ขัดขวางการเผาผลาญแอลกอฮอล์ของตับ

3.ขาวจริงหรือ?
อันที่จริงเดิมแล้ว “กลูตาไธโอน” ทำให้ใครๆ รู้จักมาได้อย่างรวดเร็วนั้นก็เพราะ ครั้งหนึ่งเคยมีคุณหมอ นำสารชนิดนี้ไปใช้เพื่อรักษา กลุ่มคนที่เป็น โรคมะเร็ง และโรคเอดส์ แล้วทำให้อาการทั่วไปดีขึ้น โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเอดส์ ถึงแม้จะไม่หายจากโรคแต่ก็ช่วยเพิ่มระยะเวลาการแสดงอาการต่างๆ ออกไปได้ และสิ่งที่เห็นได้ชัด คือ กลุ่มคนที่ได้รับการรักษาด้วยสารชนิดนี้ มีผิวพรรณ และหน้าตาที่ดูสดใส เป็นประกายขึ้น ผิวขาวขึ้น จึงทำให้โด่งดังและเป็นที่รู้จักของผู้คนตั้งแต่นั้นมา 

ถ้าจะตอบคำถามว่า ทำให้ขาวได้จริงหรือนั้น จะขออธิบายเรื่องผิวของคนเราสักเล็กน้อยเพื่อจะได้เข้าใจมากขึ้น ปกติแล้วร่างกายของคนเรา จะมีเม็ดสีผิว หรือที่เรียกว่า เมลานิน ที่ต่างกันโดยพันธุกรรม คนทีมีเม็ดสีผิวขนาดใหญ่ก็จะส่งผลให้ผิวคล้ำเหมือนคนไทย ส่วนคนที่มีเม็ดสีผิวเล็กก็จะมีสีผิวที่ขาว เมลานีนมี 2 ชนิด คือ ยูเมลานิน (เม็ดสีขนาดใหญ่)และ ฟีโอเมลานิน (เม็ดสีขนาดเล็ก) และเมื่อนำสาร “กลูตาไธโอน” เข้าสู่ร่างกาย สารตัวนี้ก็จะไปปรับเปลี่ยนความปกติของร่างกายโดยไปกดการสร้างเม็ดสีผิวที่มีขนาดใหญ่กว่าให้เปลี่ยนเป็นสาร ฟีโอเมลานิน ซึ่งเป็นสารที่เล็กกว่า จึงทำให้ผิวขาวขึ้น แต่ก็แค่ชั่วขณะเท่านั้น ถึงอย่างไรโครงสร้าง พันธุกรรม ของคนเราเป็นสิ่งที่สาร“กลูตาไธโอน”ไม่สามารถไปปรับเปลี่ยนได้ เมื่อเวลาผ่านไป เซลล์เม็ดสีเมลานิน ต่างๆก็จะกลับสู่สภาวะเดิมของร่างกาย ทำให้คนที่ต้องการให้ผิวขาวอย่างสม่ำเสมอ จึงต้องฉีดหรือกิน หรือ รับเอาสารตัวนี้เข้าสู่ร่างกายของตัวเองอยู่เป็นประจำ

4.“กลูตาไธโอน”อันตรายหรือไม่
ปัจจุบัน “กลูตาไธโอน” อย.ยังไม่ได้รับรองสารตัวนี้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยเลย และตอนนี้ทางการแพทย์ยังได้ออกมาประกาศแล้วว่าสารตัวนี้เป็นสารที่อันตราย ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิด ในปริมาณที่เยอะ อีกทั้งยังผิดกฎหมายด้วยถ้าพบเจอสถาบันความงามใดๆ นำสารตัวนี้ฉีดหรือให้บริการผู้อื่นถือว่า มีความผิดตาม พรบ.ยา และความผิดฐานโฆษณาเกินจริง โทษคือ ปรับถึง 100,000 บาท และยังได้รับโทษจากการขายยาที่ไม่ได้รับรองทะเบียนจาก (อย.) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3ปี ปรับไม่เกิน 5,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ในฐานะหมอนั้นไม่ผิดเพราะเป็นยาที่ใช้รักษาคนที่เป็นโรคมะเร็ง และมีกฎหมายรองรับ แต่ต้องไปเอามาจากเมืองนอก ซึ่งการรักษาโดยใช้สายตัวนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคุณหมอและคนไข้ตกลงขอบเขตในการใช้และต้องเป็น กลูต้าไธโอน ของแท้ที่ผลิตจากประเทศนอก อย่างอเมริกา ไม่ใช่ที่อื่น เช่น เวียดนาม ที่สำคัญ คุณหมอต้องมีจรรยาบรรณ ไม่ควรนึกถึงเงินมากกว่า สุขภาพและความปลอดภัยของคนไข้ ซึ่งหากเป็นชนิดรับประทาน กำหนดให้ไม่เกิน 250 มิลลิกรัม/วัน แต่บางเว็บไชต์ มีการแนะนำให้รับประทานถึง 500-1,000 มิลลิกรัม/วัน ถือว่าสูงมาก และจะยิ่งอันตรายมาก เพราะไม่นึกถึงความปลอดภัยผู้ที่รับสารตัวนี้เข้าไป หวังเอากำไรอย่างเดียว

ยาวไหมล่ะค่ะเพื่อนๆ ใครที่ศึกษาเข้าใจบ้างแล้ว ก็คงตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมค่ะว่า กลูต้าไทโอน นั้นสรุปดีหรือไม่ดี อันที่จริง ก็มีทั้งดีและไม่ดี ทางที่ดีสวยใส สไตล์ ที่คุณแม่ให้มานั่นแหล่ะ ชีวิตจะปลอดภัยดีที่สุด หรือไม่ก็อาศัยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เยอะๆ เพื่อคงไว้ซึ่งสารตัวนี้ยังไงหล่ะคะ จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินค่าความ อยากสวย ในราคาแพงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น