วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เส้นผม...ส่งเสริมบุคลิกภาพ

การมีผมสวยคือสิ่งที่เพื่อนๆ ปรารถนาอีกอย่างนึงใช่ไหมละค่ะ วันนี้ผู้เขียนมีเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆมาบอกต่อกัน เคล็ดลับที่ว่าคือ วิธีการสังเกตว่าเส้นผมบอกอะไรในตัวคุณค่ะ เพราะนอกจากลักษณะทั้ง 5 คือ คิ้ว ดวงตา จมูก ริมฝีปาก และใบหูแล้ว ถ้าเรามีผมที่นุ่มสวยก็จะช่วยเพิ่มบุคลิกภาพได้ดีทีเดียวนะค่ะ

ผมเส้นเล็ก คนที่มีผมประเภทนี้เป็นคนอ่อนไหวและช่างฝัน มีจิตใจโอบอ้อมอารีแต่นิสัยที่อ่อนโยนเกินไป บางครั้งจะค่อนข้างเฉื่อยชา ทำให้คนอื่นมองแล้วเสียบุคลิก ทางที่ดีควรหาอะไรมาบำรุงผมให้ดูสวยขึ้นก็จะเป็นการเสริมบุคลิกคุณให้ดูดีได้แล้วค่ะ

ผมชี้ฟูไม่ตรงและหยิก คนกลุ่มนี้ส่วนมากเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง เอาการเอางาน จริงจัง แต่บางครั้งผมฟูๆจนดูเข้มเกินไปจนใครๆ อาจจะกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ทั้งที่จริงๆ แล้วคุณชอบให้ผู้คนเข้ามาพบปะกับคุณมาก ดังนั้นหากมีเวลาว่าง เข้าร้านเสริมสวยบ้างก็ดีค่ะ อาจจะตัดทรงที่รับกับหน้า หรือสระไดร์บ้างเพื่อเสริมบุคลิกตัวคุณเองให้ดูดีขึ้น ให้ดูนุ่มนวลขึ้นมาบ้างก็จะดีนะ

ผมแห้งเสียแตกปลาย บ่งบอกถึงสุขภาพของคุณ ว่าเป็นคนที่สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง มีโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้าอยู่เป็นประจำ คนที่มีผมประเภทนี้ส่วนมากจะเป็นคนใจร้อนและเจ้าอารมณ์ ถ้าจะให้ดีควรดูแลสุขภาพให้ดีหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะสาเหตุไม่เหมือนคนอื่น ดูแลร่างกายให้แข็งแรงดีแล้วก็รีบดูแลสุขภาพผมได้เลย เพราะบุคลิกที่ดีจะช่วยเสริมให้คุณมีชีวิตที่ดีขึ้น

ผมยาวช้า ตามลักษณะของคนประเภทนี้ คือ ผมค่อนข้างจะอ่อนแอและร่วงหลุดง่าย มาจากการกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะและไม่ได้รับการบำรุงดูและที่เพียงพอ เลยอาจเป็นเหตุผลให้ผมคุณยาวช้ากว่าคนอื่นๆ นะค่ะ


มาดูกันว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรและรับประทานอาหารประเภทไหนเพื่อช่วยบำรุงเส้นผมของคุณกัน

- หยุดดึงผมตัวเอง หรือใครที่ชอบถอนผมตัวเอง ทำให้คนอื่นๆ มองแล้วเสียบุคลิกในสายตาพวกเขา และยังเป็นการไปทำร้ายเส้นผมของคุณเองด้วย ปล่อยให้เส้นผมเกิดขึ้นมาแล้วมีชีวิตตามกาลเวลาที่ควรจะเป็นเถอะนะ

- หมั่นออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย แล้วยังดีกับเส้นผมเราอีกด้วยนะ ทำไปเถอะค่ะเพื่อสุขภาพ ควรทำอย่างสม่ำเสมอและควรพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะค่ะ

- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อเส้นผม เพราะสารเหล่านี้จะไปสะสมที่หนังศีรษะเมื่อเราล้างออกไม่หมด และจะทำให้หนังศีรษะสกปรก เพราะจะดึงดูดเอาสิ่งสกปรกต่างๆเข้ามาปิดรูขุมขน ทำให้ผมที่จะงอกออกมาใหม่เป็นปัญหา และทำให้เส้นผมที่มีอยู่หลุดร่วงได้ง่าย สารเคมีต่างๆได้แก่ น้ำยาทำสีผม ดัดผม, ยืดผม, หรือแม้แต่พวกสเปรย์จัดแต่งทรงผม เจล, มูส น้ำมัน ต่างๆล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายกับหนังศีรษะทั้งนั้นค่ะ จะว่าไปเหมือนผู้เขียนห้ามใช้ของพวกนี้เลย แหะๆ ไม่ได้ห้ามนะค่ะ แต่พยายามหลีกเลี่ยง ใช้น้อยๆ หรือล้างให้สะอาดแล้วกันค่ะถ้าจะใช้ ^^ 

- ควรรับประทานให้ถูกหลักโภชนาการ และอาหารที่มีสารจากธรรมชาติเพื่อให้สารต่างๆไปหล่อเลี้ยงเส้นผม ควรหลีกเลี่ยงของมันๆ ประเภทที่มีไขมันสูงๆและรสเผ็ดจัดหรือหวานจัดนะค่ะ ผงชูรสก็ไม่ควรทานมากค่ะ เพราะไม่ดีต่อเส้นผมเลยค่ะ

ส่วนสารอาหารที่จะช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะต่างๆ มีดังนี้

- สังกะสี (Zinc ) เพราะสังกะสีจะช่วยในเรื่องของการป้องกันผมร่วง และช่วยให้การทำงานของต่อมไขมันมีความสมดุลมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรงมากขึ้นด้วย เห็นไหมละค่ะว่ามีประโยชน์มากแค่ไหน เจ้าสังกะสีเนี่ย ส่วนอาหารที่เราทานแล้วจะได้สารอาหารจำพวกสังกะสีก็เป็นอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ตับ และอาหารทะเล เช่นหอยนางรมก็ถือเป็นแหล่ง สังกะสีที่ดีเช่นกันค่ะ เพราะมีแล่งวิจัยมาแล้วว่าสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าจำพวกพืชผักค่ะ

- วิตามินบี 5 หรือ กรดแพนโทเทนิค (Pantothenic Acid) ช่วยทำให้สุขภาพของเส้นผมแข็งแรงคงทนไม่ขาดหลุดร่วง แถมยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นรูขุมขนบนหนังศีรษะอีกด้วย และช่วยให้แกนเส้นผมอุ้มน้ำได้มากขึ้น ผมจึงนุ่มสลวยสวยเก๋ค่ะ รากผมก็แข็งแรง สารอาหารพวกนี้จะพบพบมากที่สุดได้ในตับ และอาหารจำพวกเนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อหมูไข่แดง ถั่ว และเมล็ดธัญพืชต่างๆเป็นต้นค่ะ ลองหามาทานกันดูนะค่ะ รับรองว่ามีประโยชน์ค่ะ

- ไบโอติน (Biotin) เป็นวิตามินชนิดหนึ่งซึ่งจะคอยทำหน้าที่ช่วยลดการสร้างไขมันที่มากเกินไป เพราะไขมันที่มากเกินไปนั้นเป็นผลเสียต่อเส้นผมค่ะ ไบโอตินจะช่วยให้รากผมแข็งแรงและเงางาม วิตามินไบโอติน พบมากในถั่ว, ตับ, นม ข้าวที่ไม่ขัดสี ไข่แดง, ข้าวซ้อมมือ, ถั่วเหลืองและข้าวสาลี สะดวกอันไหนก็ลองหามาทานกันดูนะค่ะ

- ธาตุเหล็ก (IRON) เป็นสารอาหารที่ทำหน้าที่ช่วยสร้างฮีโมบิน ซึ่งเป็นตัวทำให้โครงสร้างของเส้นผมแข็งแรงเพราะฮีโมบินเป็นตัวนำของออกซิเจน สารอาหารจำพวกนี้จะพบมากในเนื้อสัตว์ต่างๆไข่แดง ถั่วเมล็ดแห้ง และพืชผักต่างๆโดยเฉพาะผักที่มีสีเขียวเข้มนะค่ะ

หวังว่าเพื่อนๆ คงจะได้ความรู้จากที่ผู้เขียนเอามาฝากกันบ้างพอสมควรนะคะ ที่นี้ก็ลองเอาไปสำรวจและปรับใช้กับตัวเอง เพื่อสุขภาพที่ดีของเส้นผมเพื่อนๆนะค่ะ อย่าให้ใครๆมาตัดสินเราเพียงแค่เส้นผมเลยนะ เพราะสุขภาพผมที่ดีนั้นย่อมดึงดูดผู้คนเวลาพบเจอแล้วจะนำพาสิ่งดีๆมาสู่คุณค่ะ

10 วิธีโกยความสุข

พูดถึงความสุขเพื่อนๆ คงชอบกันอยู่แล้วใช่มั้ยค่ะ (ใครๆก็อยากมีความสุข) แต่บางคนมักมองข้ามความสุขโดยที่ไม่รู้ตัว ลองดูวิธีที่จะนำมาฝาก เพื่อนๆ ดูนะคะว่า ความสุขนั้นหาได้ไม่ยากค่ะ ถ้าอ่านแล้วทำตามเพื่อนๆมีความสุขเมื่อไหร่ก็อย่าลืม แบ่งปันความสุขให้คนรอบข้างด้วยนะค่ะ โลกนี้จะได้สดใสน่าอยู่มากขึ้น 10 วิธีโกยความสุข มีดังนี้ค่ะ

1. ทำวันนี้ให้เหมือนเป็นวัน “สุดท้าย” (พูดซะน่ากลัวเลย) หมายถึง ว่าเราจะไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ค่า วันนี้อยากทำอะไร ทำเลยค่ะ ออกสู่โลกที่เราไม่เคยไป หรือติดต่อเพื่อนๆที่ห่างหายกันไปนาน พร้อมกับคิดเสมอว่าเราอาจจะไม่มีวันพรุ่งนี้ก็ได้ เราจะได้ทำวันนี้ให้มีความสุขที่สุดไงค่ะ

2. หาหนังตลกมาดูสักเรื่อง แล้วหัวเราะให้สบายใจ หรือบางครั้งที่มีใครมาทำให้เราไม่สบายใจ โดยที่เราไม่ได้เป็นคนผิด พยายามหายใจเข้าลึกๆนะค่ะ แล้วค่อยๆหายใจออก อาจจะท่อง “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ”ไปด้วยก็ได้ค่ะ แผ่เมตตาให้ซะเลย กี่จบก็ได้จนกว่าจะสบายใจ (เดี๋ยวนี้มีVersion MP 3 ด้วย) ทันสมัยกันเลยทีเดียว

3. หัดมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน รอคอยสิ่งดีๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต เช่น ไปดูหนังฟังเพลงในวันหยุดบ้าง หาร้านอาหารอร่อยๆทานบ้าง ลองไปในที่ๆไม่เคยไป (จะได้มุมมองใหม่ๆมากมมายเชียวค่ะ) เข้าร้านเสริมสวยเพื่อทำสปาผ่อนคลายให้กับตัวเองบ้างก็ได้ค่ะ เท่านี้ชีวิตก็มีความสุขแล้วละค่ะ

4. ยิ้มเข้าไว้ค่ะ ยิ้ม...ยิ้มให้ติดเป็นนิสัย รอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์ของความสุขและมิตรภาพนะค่ะ ^^ ไม่เชื่อลองยิ้มดูสิค่ะ แต่อย่ายิ้มทิ้งวัน หรือยิ้มแบบไม่มีเหตุผลนะค่ะ เพราะแบบนั้นจะกลายเป็นคนบ้าได้ ส่วนใครที่ไม่ค่อยยิ้มก็พยายามยิ้มเยอะๆนะค่ะสุขภาพจะได้ดีๆ คนรอบข้างก็มีความุขไปด้วย

5. เมื่อมีเรื่องให้คิด หรือ กำลังเครียดกับปัญหาชีวิตอะไรก็ตามอย่าอยู่คนเดียว พยายามพาตัวเองไปอยู่ที่ๆคนเยอะๆหรือเปิดเพลงแดนซ์ หรือไปหาเพื่อนก็ได้รับรองช่วยคุณได้แน่นอน

6. แสดงความมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาสาสมัคร งานกุศล การบริจาค หรือทำอะไรก็ได้ให้คนอื่นมีความสุข แล้วเพื่อนๆจะได้รับความสุขทางใจกลับมาเช่นเดียวกันค่ะ

7. เข้าร้านเสริมสวยบ้างเป็นครั้งคราว มองหาเทรนใหม่ๆ บ้างที่เรายังไม่เคยลอง เปลี่ยนลุคใหม่ให้ตัวเองดู อย่าปล่อยให้ตัวเองโทรมดูไม่ได้ เราต้องสวยเท่ห์อยู่เสมอ ( ว๊าว..ว่าไปนั่น )

8. ลุกขึ้นมาทำตัวเองให้ดูดีสดใส สร้างความมั่นใจโดยการเลือกใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสเอาให้คนรอบข้างมองทีต้องหันมามองอีกครั้ง แบบว่า อุ๊ย ..! สะดุด ไม่แน่นะ คุณสาวๆ อาจจะมีหนุ่มๆ ตามจีบคุณ หรือคุณหนุ่มๆอาจจะมี สาวๆ กรี๊ด ! ชนิดเป็นลมเลย ใครจะไปรู้ (เดือดร้อนต้องพาไปหาหมออีก) ก็ว่ากันไป

9. มองคนอื่นที่เขาด้อยกว่าเรา (ไม่ใช่ซ้ำเติมนะค่ะ) แต่มองให้ได้ความรู้สึกที่ดีๆ ว่าเรายังมีอะไรที่โชคดีกว่าคนเหล่านั้น แค่นี้ชีวิตคุณก็จะมีความสุขมากขึ้นเองค่ะ ดีกว่าเราไปมองคนที่เค้ามีโอกาสมากกว่าเรา สูงหรือเด่นกว่าเรา แล้วมานั่งหดหู่ว่าทำไมเราไม่มีเหมือนเค้า แบบนั้นไม่ดีนะค่ะ เพราะจะบั่นทอนจิตใจเรา ทำให้เรารู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าไปเลยก็ได้

10. ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับด้านสุขภาพ แล้วทำให้ตัวเองมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเสมอๆ ไม่ก็ไปออกกำลังกายเพื่อคลายเครียดก็ได้นะค่ะ และทำจิตใจให้สดสานเบิกบาน เท่านี้เราก็มีความสุขได้ไม่อยากแล้วละค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ เพื่อนๆ บทความที่ผู้เขียนได้เขียนขึ้นเพื่อให้เพื่อนๆได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันควบคู่ไปกับการดูแล สุขภาพ ของตัวเองนะคะ หัวข้อนี้เน้น ในเรื่องของสุขภาพทางจิตทั้งนั้นเลย เมื่อจิตใจสนุกสนานแล้วก็พร้อมที่จะส่งผลไปยังสุขภาพร่างกายของเพื่อนๆ นั่นเองนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ดื่มน้ำอย่างไร...ได้สุขภาพที่ดี

วันนี้ผู้เขียนนำเทคนิคเล็กๆน้อยๆ แต่มีประโยชน์มากมาย มาฝากเพื่อนๆ ค่ะ ซึ่งจะเกี่ยวกับการดื่มน้ำ ซึ่งน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญที่ร่างกาย เพราะเราต้องการและขาดไม่ได้เลย เพราะร่างกายเรามีส่วนประกอบเป็นน้ำอยู่มากถึง 75 % จึงจำเป็นอย่างมากเราจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำให้พอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ซึ่งการดื่มน้ำก็ต้องดื่มให้ถูกต้องตามหลักต่างๆ เพราะในแต่ละวันเราสูญเสียน้ำในร่างกายเฉลี่ยต่อวันโดยประมาณ 2.5 ลิตรค่ะ และเทคนิคที่ผู้เขียนจะบอกต่อไปนี้มีประโยชน์มากสามารถนำไปใช้กับชีวิตประจำวันของเพื่อนๆได้เลยค่ะ

1. ภายในเวลา 1วัน สำหรับสาวๆ ที่อยากสุขภาพดี ควรดื่มน้ำให้ได้วัน 2.2 ลิตร หรือประมาณ 9แก้ว ส่วนหนุ่มๆก็อยู่ที่ 3ลิตร หรือประมาณ 13 แก้วค่ะ เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไประหว่างวันของร่างกายเรา
2.ในขณะรับประทานอาหารไม่ควรทานข้าวคำ น้ำคำ ควรดื่มน้ำหลังทานข้าวเสร็จ เพราะถ้าเราดื่มน้ำมากในขณะที่ทานอาหารอยู่นั้น นอกจากจะทำให้เหมือนอิ่มเร็วแล้วยังจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีนัก และจะทำให้ท้องอืดอีกด้วย

3.ในตอนเช้าที่ตื่นนอน ควรดื่มน้ำเปล่า ที่เป็นน้ำต้มสุก หรือ น้ำอุ่น 3-5 แก้วเพื่อช่วยให้ร่างกายได้ขับสารพิษต่างๆ ออกจากระบบร่างกายของเราได้ง่ายขึ้น

4.วิธีดื่มน้ำที่ดี คือ ค่อยๆ ดื่มเว้นช่วงระยะให้ร่างกายได้ค่อยๆ ดูดซึม อย่ารีบดื่มจนแทบจะกลืนไม่ทัน และอาจจะทำให้สำลักและจุกท้องได้ ถึงแม้ว่าจะกระหายน้ำขนาดไหนก็ตาม 

5.ไม่ควรดื่มน้ำเย็นก่อนนอน ถ้าจะดื่มควรเลือกดื่มน้ำอุ่น หรือนมอุ่นๆแทน จะได้ไม่ต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อยๆตอนกลางดึก เพราะจะทำให้นอนหลับได้ไม่สนิท

6.ไม่ควรดื่มน้ำเยอะเกินไป เพราะการดื่มน้ำเยอะจะทำให้ร่างกายเสียสมดุล เนื่องจากการสูญเสียเกลือในร่างกายเพราะดื่มน้ำมากเกินไปจนทำให้กระบวนการซ่อมแซมต่างๆผิดปกติ และทำให้รู้สึกกระหายน้ำมากกว่าเดิม คำว่ามากเกินไป จนอยู่ในเกณฑ์ที่อันตราย คือ 6-7 ลิตร/วัน อีกสิ่งที่จะตามมาก็คือ เมื่อดื่มน้ำเยอะๆ ทำให้ปัสสาวะบ่อยแล้วถ้าไม่ยอมลุกไปปัสสาวะ เมื่อปวดบ่อยๆครั้งเข้าก็จะขี้เกียจ ติดนิสัยที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ อีกทั้งชอบกลั้นปัสสาวะ ส่งผลทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ เพราะน้ำในกระเพาะปัสสาวะจะทะลักสู่กรวยไต เกิดการอักเสบของกรวยไต ต่อมา ถ้าไม่รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดื่มน้ำอาจจะนำมาซึ่งโรคกรวยไตอักเสบได้นะคะ(เป็นแล้วทรมานสุดๆ)

การดื่มน้ำให้เพียงพอส่งผลต่อสุขภาพของผิวพรรณที่ดูสดใสเปล่งปลั่ง ใบหน้าก็ดูมีเลือดฝาด และที่สำคัญยังช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี เนื่องจากไตทำงานได้ดีนั่นเอง เพราะฉะนั้นเมื่อเราสูญเสียน้ำในการใช้ชีวิตระหว่างวันไปมาก จึงต้องพยายามทดแทนน้ำที่ร่างกายเราได้นำไปใช้ เพื่อรักษาสุขภาพที่ดีของเราไว้

ข้อดีของการดื่มน้ำที่เพียงพอนั้นยังช่วยลดอาการท้องผูกได้อีกด้วย เพราะน้ำจะเข้าไปช่วยในเรื่องระบบการขับถ่ายให้เป็นปกติและขับถ่ายง่ายขึ้น ทำให้กล้ามเยื้อของเรามีความชุ่มชื้น บางคนละเลยในเรื่องนี้เพราะคิดว่าไม่ค่อยได้ออกแรง พลังงานที่ใช้ก็คงไม่เยอะ จึงไม่ค่อยดื่มน้ำ ถ้าเพื่อนๆที่คิดแบบนี้ ขอให้คิดใหม่นะคะ เพราะเพื่อนๆกำลังจะทำร้าย อวัยวะต่างๆในร่างกายตัวเอง โดยเฉพาะไต เพราะไตจะต้องทำงานหนักมาก สังเกตได้เวลาที่เราไปปัสสาวะสีของปัสสาวะจะเข้ม ส่วนคนที่ดื่มน้ำเพียงพอเมื่อไปปัสสาวะก็จะมีสีเหลืองอ่อนๆเท่านั้นค่ะ

กินหลากสีเพื่อสุขภาพที่ดี

วันนี้มีเคล็ดลับมาบอกหนุ่มๆ สาวๆ ที่รักสุขภาพตัวเอง เคยไหมค่ะเวลาที่จะกินอะไรแต่ละที คิดแล้วคิดอีก (เพราะคิดไม่ออก ) เออะเห่อ ไม่ใช่...เพราะว่าเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพตัวเองย่อมใส่ใจเวลาที่จะกินอะไรแต่ละอย่างใช่ไหมค่ะ คำว่ากินหลากสี คืออะไร อยากรู้ตามไปดูกันค่ะ

สีแดงแรงฤทธิ์ พืชผักผลไม้สดๆ ทั้งหลายนี้แหละมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดีนักเชียว เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย พริกแดงเป็นแหล่งของวิตามินซี และกากใยอาหารก็สำคัญ ซึ่งมีอยู่ในแอปเปิ้ล ส่วนที่ขาดไม่ได้เลย คือมะเขือเทศลูกโตๆ แล้วอย่าลืมพวกประเภทเนื้อด้วยหล่ะ เช่น เนื้อแดงของเนื้อวัว เนื้อหมู เครื่องในสัตว์ด้วยนะมันมีธาตุเหล็กเยอะมากๆ เพราะจะช่วยในเรื่องของประจำเดือนได้ด้วย

สีส้มเปรี้ยว..จี๊ด จะออกไปทางสีเหลืองก็ได้ อย่างเช่น มะนาว หรือ สีส้มจี๊ดเลยก็แครอท และบรรดาสารพัดส้มและพวกผักต่างๆ ที่มีทั้งสีส้มและเหลือง เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งรวมวิตามินซี แล้วยังมีเบต้าแคโรทีน ที่มีหน้าที่ช่วยลำเลียงวิตามินเอเข้าสู่ร่างกายของเรา ซึ่งช่วยในการมองเห็นชัดในเวลากลางคืน และที่ขาดไม่ได้เลย คือ กล้วยเพราะเป็นแหล่งของแร่ธาตุโพแทสเซียมชั้นดีเลยทีเดียว

สีเขียวสดชื่น ใช่ว่าจะมีแต่ แครอทเท่านั้น ที่จะให้สารเบต้าแคโรทีน(Beta Carotene)กับเราได้ บรรดาพวกผักใบเขียวๆทั้งหลายก็มีเจ้าสารตัวนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ถั่วต่างๆ อย่างถั่วลันเตา ถั่วฝักยาว รวมทั้งผักขม มีโฟเลต ด้วยอะโวคาโด ผลกีวีและ บล็อกโคลี่ ผลไม้เหล่านี้ก็มีวิตามีนซีอีกต่างหาก ที่สำคัญเจ้าผักผลไม่พวกนี้ยังมีกากใย ที่จะช่วยในเรื่องของการขับถ่ายทำให้เราท้องไม่ผูกด้วย

สีขาวและน้ำตาล เช่น กระเทียม(ทานสดได้ยิ่งดีเพราะสารอัลลิซิน จะสลายไปกับอากาศเร็วมาก ซึ่งสารนี้ก็มีมากในกระเทียม) รวมไปถึงหัวหอมเอย ถั่วงอก ดอกแค งาและเห็ด ในผลไม้ก็จะอยู่ในฝรั่ง เงาะ ลิ้นจี่ กระท้อน มังคุด น้อยหน่า แห้ว ลูกเดือย ทั้งหมดนี้จะช่วยให้หัวใจของเรามีสุขภาพดี อีกทั้งยังช่วยป้องกันหลอดเลือดอุดตัน รักษาระดับคอเลสเตอรอล รักษาอาการจุกเสียดแน่นท้อง แล้วยังมีคุณสมบัติเป็นยาช่วยขับลมอีกด้วย

สีเอิร์ธโทน ธัญพืชหลากชนิด ได้แก่ ข้าวกล้อง พืชตระกูลถั่ว และบรรดาถั่วเมล็ดแห้งเป็นแหล่งไฟเบอร์ชั้นดี เพราะมีกากใยสูงรวมทั้งถั่วต่างๆยังมีโปรตีนอีกด้วย สารพัดเห็ดอีกมากมายหลายชนิดยังช่วยเพิ่มวิตามินบีให้กับร่างกายเช่นกัน

เอาหล่ะนะ พอกันก่อน ก่อนที่พวกเราจะกลายเป็นสวนผักสุขภาพกันเกินไป (เหอๆ) เพิ่มกาแฟสัก วันละ 2 ถ้วยกำลังดี ช็อกโกแลตสักชิ้น เล็กๆนะ ซึ่งมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) สารต้านอนุมูลอิสระ (ความรู้เล็กๆน้อยๆ ค่ะ) วันละนิด วันละหน่อยนะค่ะ พอหอมปากหอมคอ ^^

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ใคร..? กลัวแก่บ้าง

แน่นอนหล่ะ พอเห็นคำถามนี้ สาวๆ ในที่แห่งนี้ คงยกมือกับพรึบเลย แล้วใครกันหล่ะที่อยากจะมีใบหน้าที่แก่ก่อนวัย เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ หลายคนก็จะพยายามสรรหาสารพัดวิธีที่จะช่วยให้เราแก่น้อยลง (หรือแก่ช้าลง) โดยเฉพาะปัจจุบันนี้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ในเรื่องของการทำศัลยกรรมต่างๆ บนใบหน้า (ส่วนมากเน้นที่หน้ากันหนักเลย) เพราะใบหน้าคนเราเป็นจุดแรกที่คนเราใช้พบปะกับผู้คน เมื่อนึกถึงความแก่ทีไรใจก็เป็นทุกข์ ทำไมถึงเป็นทุกข์ มันมีสาเหตุมาจากอะไรกันมาดูเลย

รับไม่ได้ กลัวตัวเองไม่สวย กลัวความเปลี่ยนไปในชีวิตที่ตัวเองจะรับมันไม่ได้ เมื่อมันมาถึง เมื่อไม่สวยก็ กลัวไม่มีคนรัก เพราะผิวพรรณ อวัยวะทุกส่วนในร่างกายนั้น เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา หน้าตาที่เคยเต่งตึงก็หย่อนยาน ผมที่เคยดกดำ ก็ ขาวมั่งดำมั่ง (ชนิดที่แอบไปทำไฮไลท์ มารึไง อาจจะโดนลูกหลาน ล้อเล่นในทำนองนี้ก็ได้ ) เด็กมันขำๆ แต่ทำเอาคนแก่ที่โดนล้อ เครียดขนาดหนัก ฟันที่เคยเรียงรายสวยๆ พอแก่ ก็หายกลับบ้านเก่าหมด ตาสวยๆที่เคยใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นได้ ตอนนี้รอบดวงตามันเหี่ยวถุงใต้ตาก็จะใส่น้ำได้อยู่แล้ว ถ้ายังจะใส่คอนแทคเลนส์เข้าอีกคงเหมือนแม่มดน่าดู (ไม่น่าดู) เสียงที่เคยใส ผลัดเปลี่ยนวัยไปเป็นเสียงผู้ใหญ่ จนกลายเป็นคนแก่ พูดอะไรบางทีก็ต้องฟังแล้วฟังอีก ระบบการฟังก็เริ่มตึง (สิ่งเดียวที่เหลือคงไว้ซึ่งความตึง) นอกนั้น เหี่ยวยาน หมด ไม่ไหวแล้ว สรุปก็คือ กลัว รับไม่ได้ กับสภาพ ที่กล่าวมานั่นเอง

บางคนหาทางออกหรือหาทางแก้ไปก่อน แต่ก็แค่แก้ไปก่อน อายุเราจะยังต้องเพิ่มไปเรื่อยๆ ในเมื่อไม่มีใครเดินย้อนเวลา มีแต่คนเดินไปข้างหน้า ( จริงไหมค่ะ ) เมื่อผิวเหี่ยวหย่อนคล้อย ก็ไปดึงให้ตึง เสาะแสวงหาสถาบันเสริมความงามต่างๆเพื่อหยุดสิ่งเลวร้ายต่างๆเหล่านี้แม้จะรู้ว่าแค่ช่วงไม่นานก็ตาม อันที่จริงต่อให้ทำยังไง ก็สู้การยอมรับความจริงไม่ได้ ยอมรับสภาพปัจจุบันที่จะเกิดขึ้นให้ได้ดีที่สุด อยู่ใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ดีกว่าอยู่แบบไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลย อย่างน้อยเมื่อถึงเวลาจะได้มีคนชื่นชมยกย่องเราว่าแก่อย่างมีคุณค่าไม่พึงพาศัลยกรรมนั่นเอง ( สัจธรรมไปมั้ยเนี่ยะ)

สุดท้ายอยากจะฝากไว้สักนิดว่า ความสวยงามนั้นมันแค่ภายนอก การที่จะชะลอความแก่ไว้นั้น ควรที่จะดูแลในเรื่องสุขภาพจิตใจของคุณเสียก่อน แล้วมันจะส่งผลให้สุขภาพร่างกายของคุณแข็งแรงตามมา ทำให้คุณพร้อมที่จะต่อสู้ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ขอยกตัวอย่างคนที่เครียดเพราะกลัวแก่ สิ่งแรกเลย มันจะส่งผลไปที่ความรู้สึกของคุณ หรือจิตใจ แล้วก็จะแสดงออกทางใบหน้า เกิดริ้วรอยเพิ่มขึ้น ทำให้แก่เร็วขึ้น ถ้าคุณทำจิตใจให้สงบ ร่าเริงยิ้มแย้มบ้าง จะได้ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายให้ยังคงมีภูมิต้านทานโรคต่างๆได้ดี เช่น โรคเครียด

กล่าวโดยสรุป เหมือนความแก่เป็นสิ่งไม่น่ากลัวหรอกนะ แต่สิ่งที่น่ากลัว น่าจะตัวเราเองมากว่า ที่มีส่วนอย่างมากในการทำให้ตัวเองแก่เร็วขึ้น โดยความคิด ความรู้สึก ที่เราเป็นผู้สร้างขึ้น ให้มันไปกระทบจิตใจ ส่งผลที่ไม่ดีต่างๆ ในร่างกาย เคยได้ยินไหม คำว่า “เครียดลงกระเพาะ” โรคนี้มีสาเหตุมาจาก ความเครียดเป็นหลักเลย เพราะเมื่อเราเครียดมากๆ คุณรู้หรือไม่ว่า กรดในกระเพาะ มันจะไหลออกมามากผิดปกติ จนอาจเป็น โรคเครียดลงกระเพาะได้ สาเหตุเกิดจากเวลาที่เราเครียดจะเกิดการกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนมากกว่าปกติ จากต่อมหมวกไต ทำให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา เห็นหรือยังหล่ะคะว่า มันเป็นสิ่งไม่ดีเลยกับผลที่เราได้รับ สิ่งสำคัญ “เลิกเครียด” เพราะฉะนั้นยิ้มเข้าไว้ค่ะ (แต่อย่ายิ้มทั้งวันนะคะ เวลาที่อยู่คนเดียว) เดี๋ยวกลับกลายเป็นเครียดเพราะคนอื่นไม่เข้าใจ หาว่าบ้าแทน...เอาพอประมาณนะค่ะ ^^

สุขภาพ คืออะไร

ก่อนที่จะไปพูดถึงความสวยความงาม ขอ อธิบาย คำว่า “สุขภาพ”กันก่อน เพราะก่อนที่เราจะไปดูแลส่วนต่างๆ ในร่างกายเราเอง เราควรรู้ที่มาที่ไปของ สุขภาพ ตัวเองเสียก่อน ว่าสุขภาพของเราพร้อมที่จะให้เราดูแล ในส่วนไหนมากกว่ากัน ซึ่งในที่นี้ขอแบ่ง ออกเป็น 2 อย่าง ชัดๆ คือ สุขภาพทางกาย และ สุขภาพทางจิตใจ อยากรู้มาดูกันเลยค่ะ

สุขภาพ หรือ Health ก็คือความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายคนเรานั่นเอง นอกจากนี้ คำว่าสุขภาพยังรวมไปถึง สุขภาพของจิตใจ ซึ่งถ้าสุขภาพด้านจิตใจดีก็จะส่งผลให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้ ในการดำเนินชีวิตของคนเรา บางคนเกิดมาโชคร้ายที่สุขภาพหรือร่างกายแย่ อาจจะมีโรค หรืออาจจะพิการ บางคนได้รับสิ่งเหล่านี้โดยทางพันธุกรรม แต่บางคนอาจเป็นเพราะสภาวะสุขภาพ ของมารดาที่ให้กำเนิดในตอนนั้น แต่ทุกคนที่เกิดมาล้วนแต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่มากับเราด้วย นั่นก็คือ ภูมิคุ้มกัน แต่ภูมิคุ้มกันก็มีวันไม่คุ้มกันให้เราได้ ถ้าเราไม่รู้จักคุ้มกันตัวเอง ซึ่งไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม เราควรทำให้ตัวเองมีสุขภาพที่ดีที่สุด จะได้ใช้ชีวิตในโลกใบนี้ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

คำว่า สุขภาพ เมื่อก่อน คนไทยใช้คำว่า “อนามัย” แต่ปัจจุบัน ได้เปลี่ยนคำใช้ เป็นคำว่าสุขภาพแทน เพราะคำว่าอนามัย คือ ความไม่มีโรค ถูกหลักสุขภาพหรือมีสุขภาพที่ดี แต่คำว่า สุขภาพ คือ ความสุขที่ปราศจากโรค หรือ สุขสบาย และปัจจุบันนิยมนำคำว่า อนามัยไปใช้ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพื่อนๆ จึงคุ้นหูกับคำว่า สุขภาพ ยังไงหล่ะค่ะ
ถ้าเพื่อนๆ เดินทางไปทางจังหวัดภาคอีสาน แล้วลองสังเกตดู ตามหมู่บ้าน ปัจจุบันนี้ ยังมีสถานที่ที่ชื่อว่า “สถานีอนามัย” อยู่เลยนะคะ อย่างเช่น จังหวัดที่ 77 (บึงกาฬ นั่นเอง)

สุขภาพทางกาย หมายถึง การที่มีร่างการเจริญเติบโตที่เหมาะสมกับวัยที่ควรจะเป็น ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการคำนวณ ว่าคนที่มีอายุในช่วงเท่าไหร่ ควรมีน้ำหนักเท่าไหร่ และมีภูมิคุ้มกันโรคที่สามารถ ต้านทานโรคได้ด้วยนะ ไม่ใช่มีภูมิคุ้มกันโรค แต่ไม่สามารถต้านทานอะไรได้เลย ซึ่งข้อนี้ก็เกี่ยวโยงกับข้อต่อไปที่ผู้เขียนจะกล่าว

สุขภาพทางจิตใจ หมายถึง การที่คนเราใช้ชีวิตไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ที่เลวร้าย อาจเป็นเรื่องในอดีต หรือที่กำลังพบเจอในปัจจุบัน เมื่อโดนปัญหาต่างๆ รุมเร้า แต่เราสามารถยึดหลักการชีวิต โดยที่ไม่ส่งผลกระทบกับจิตใจของเราเลย อาจจะมีบ้าง แต่เราต้องสามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี และปรับตัวให้ได้กับสถานการณ์ที่ตัวเองต้องเจอ แล้วสุขภาพจิตใจก็จะไม่ไปส่งผลทำร้ายสุขภาพร่างกายนั่นเอง
พอเข้าใจเรื่องสุขภาพ และที่มาที่ไปกันบ้างแล้วใช่มั้ยค่ะ เพื่อนๆ ที่อยากจะมีชีวิตที่ดี ก็ต้องหมั่นทำจิตใจให้ส่งผลไปยังร่างกายของเราในทางที่ดีนะคะ จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และพร้อมที่จะดูแล สุขภาพ ของตัวเองในจุดที่บกพร่องต่อไปค่ะ