1.ประเภทของน้ำที่ใช้อาบ
- น้ำอุ่น เหมาะกับผู้ป่วยที่กำลังมีไข้ เพราะคนพวกนี้เจอน้ำเย็นไม่ได้เดี๋ยวไข้กลับ และคนที่มีผิวประเภทผิวธรรมดา และผิวมัน ส่วนคนที่มีผิวแห้งไม่ควรอาบน้ำอุ่นนะคะ และสำหรับคนที่จะอาบน้ำอุ่นก่อนอื่นเลย ควรดื่มน้ำก่อนอาบน้ำ 1แก้ว เพื่อเปิดรูขุมขนของร่างกาย น้ำอุ่นช่วยให้ความรู้สึกปลอดโปร่งทำให้มีสมาธิและจิตใจสงบ แต่ก็ไม่ควรอาบนานมาก ครั้งนึงอาบสัก 20 นาทีก็พอ เพราะจะทำให้ผิวแห้งและหัวใจเต้นเร็ว หลังจากที่อาบเสร็จก็ควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยทำหน้าที่ทดแทนความชุ่มชื่นของผิวที่หายไปเวลาเราอาบน้ำ
- น้ำเย็น ส่วนมากแล้วเมื่อเจออากาศที่ร้อนๆ เมื่อเจอน้ำที่เย็นๆ คุณก็รู้สึกว่ามันสดชื่นในเวลาที่ได้อาบ แต่ก็ควรปรับร่างกายให้ทันต่ออุณหภูมิของน้ำด้วยนะ โดยการที่เพื่อนๆให้แขนหรือขาหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายค่อยๆสัมผัสกับน้ำก่อน แล้วค่อยอาบทั้งตัว น้ำเย็นสดชื่นกระตุ้นให้คุณรู้สีกว่าผิวมันเต่งตึงทันทีที่โดนน้ำเย็นๆ เพราะว่าการหมุนเวียนเลือดของเรานั่นเองที่จะรีบมาช่วยกันมาสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายเรา หลังจากนั้นก็ตามด้วยสบู่หรือครีมอาบน้ำถูเบาๆจากปลายเท้าขึ้นมาที่ท้อง และส่วนที่เป็นข้อต่อของกระดูกก็อาจจะใช้ครีมขัดผิวกายด้วยก็ดีค่ะ นวดและขัดทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีเพราะครีมเหล่านี้มีส่วนผสมของสมุนไพรให้ผิวของคุณได้ผ่อนคลายและยังมีกลิ่นที่หอมอีกด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นผิวของคุณและลดความหยาบด้านลงได้ และหลังจากที่อาบเสร็จก็ลองยืดแขนยืดขาช้าๆดู เพราะจะช่วยให้รู้สึกดีทีเดียว
- น้ำร้อน จะช่วยให้การนอนหลับสนิทเพราะจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกาย ช่วยในเรื่องของความเหนื่อยล้าจากการทำงานมลภาวะต่างๆ รวมถึงความเครียดซึ่งน้ำร้อนจะช่วยให้คลายกล้ามเนื้อทุเลาสิ่งต่างๆเหล่านี้ ลงได้ จึงทำให้คุณได้ผ่อนคลาย หลังจากที่อาบน้ำร้อนเสร็จแล้วนั้นร่างกายเย็นลง เมื่อเราพักผ่อนก็จะนอนหลับได้อย่างสนิทแต่อย่าไปอาบนาน ใช้เวลาเพียง 10นาทีก็พอแล้ว เพราะน้ำร้อนมีผลต่อผิวที่เร็วทำให้ผิวเราแห้งเหี่ยวขาดความชุ่มชื่นได้ง่าย อาบเสร็จก็บำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เหมือนเดิมเพื่อเรียกค่าความชุ่มชื่น ของผิวกลับมา
2.วิธีการอาบน้ำ
- อาบด้วยฝักบัว หลายๆ คนก็คงอาบโดยวิธีนี้ ซึ่งการอาบด้วยวิธีนี้ เราจะได้รับแรงกระตุ้นจากกระแสน้ำที่ไหลผ่านฝักบัวเป็นสายน้ำ ซึ่งเพื่อนๆทราบกับไหมค่ะว่า สายน้ำที่ไหลจากฝักบัวนั้นช่วยลดไขมันในร่างกายได้ เพราะยิ่งถ้าเราเปิดน้ำแรงๆ ก็จะช่วยให้สายน้ำไล่ไขมันมารวมกันได้ค่ะ และเรายังสามารถสร้างสปา ในห้องน้ำเผื่อผ่อนคลายให้ตัวเราได้ด้วยการ หาสมุนไพรนำมาติดกับฝักบัวเวลาที่เราเปิดน้ำอาบก็จะได้กลิ่นหอมๆฟุ้งออกมาด้วยค่ะ ช่วยผ่อนคลายไปอีกแบบส่งเสริมให้หน้าตาผิวพรรณตื่นตัวได้อีกด้วย
- อาบโดยอ่างแช่ตัว แต่แนะนำว่าไม่ควรไปแช่นานเพราะหนีไม่พ้นเรื่องผิวแห้งอีก ควรแช่แค่ประมาณ 10 นาทีก็ออกมาขัดผิวนอกอ่างดีกว่าค่ะ จะได้มีสุขภาพผิวที่ดีอยู่เสมอ การอาบน้ำแบบนี้ก็จะสามารถคลายกล้ามเนื้อที่ได้รับแรงดันจากน้ำได้ ทำให้รู้สึกสบายไปอีกแบบ แต่สู้การอาบด้วยฝักบัวหรือขันไม่ได้หรอกค่ะ เพราะผิวจะไม่เปล่งปลั่ง เนื่องจากว่าความร้อนทำให้ผิวหยุดผลัดเปลี่ยนเซลล์นั่นเอง เมื่อขัดผิวนอกอ่างอาบน้ำเสร็จแล้วก็เริ่มกลับไปแช่อีกครั้ง โดยเริ่มจากเท้าก่อน แล้วค่อยๆ ไล่ระดับมาที่กลางตัว รอให้ร่างกายค่อยๆ อุ่นขึ้น อาจจะมี ยกแขน ขา เพื่อบิดเอวไปมาบ้างเล็กน้อยเป็นการผ่อนคลาย และไล่ระดับไขมันรอบเอวออกไปด้วย เมื่อเราเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยนั้น แต่ร่างกายเราอยู่ในน้ำมวลน้ำที่อยู่ในอ่างจะเพิ่มอุณหภูมิขึ้นเล็กน้อย ทำให้เรามีเหงื่อไหล่ออกมาได้บ้างเป็นการขับสารพิษในร่างกายอีกวิธีหนึ่งเช่นกันค่ะ
เอาหล่ะ ไม่ว่าจะอยากอาบน้ำแบบไหนเพื่อนๆเลือกปฏิบัติได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรทำคือไม่ควรอาบเกินวันละ 2 ครั้งเพื่อ ป้องกันผิวแห้งค่ะ และเมื่อออกกำลังกายเสร็จควรพักให้เหงื่อแห้งเสียก่อนสัก 1ชั่วโมง แล้วค่อยไปอาบชำระร่างกายจะได้หายเหนื่อย ควรอาบน้ำก่อนรับประทานอาหาร 1 ชั่วโมง และหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง เพราะถ้าหากอาบน้ำทันทีระบบประสาทก็จะสั่งให้เลือดมาเลี้ยงที่ผิวหนังมากขึ้น ซึ่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพ ยังไงลองทำตามกันสักหน่อยเพื่อสุขภาพที่ดีของเรานะค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น